Ford Everest
การขับขี่ใช้งานจริง ขุมพลังของ Everest ทั้ง 3.2 ลิตร และ 2.2 ลิตร ต่าง
ล้วนให้สัมผัสที่ “แรงสมตัว” ไม่เกินไปจากความคาดหมายนัก จริงอยู่ว่า
พละกำลังของรุ่น 3.2 ลิตร จะมีตัวเลขถึง 200 แรงม้า แต่เมื่อต้องมาแบก
น้ำหนักตัวรถ 2 ตันครึ่ง แบบนี้แล้ว แม้จะแรงสู้ Chevrolet Trailblazer
และ Mitsubishi Pajero Sport ใหม่ไม่ได้ แต่ความแรงที่ออกมาเช่นนี้
ถือว่า ทำได้เสมอตัว คิดเสียว่า เรี่ยวแรงที่เพิ่มขึ้นมา 20 แรงม้า ก็เอาไป
ชดเชยในการช่วยฉุดลากน้ำหนักตัวที่เยอะกว่าชาวบ้านเขา ก็แล้วกัน
ล้วนให้สัมผัสที่ “แรงสมตัว” ไม่เกินไปจากความคาดหมายนัก จริงอยู่ว่า
พละกำลังของรุ่น 3.2 ลิตร จะมีตัวเลขถึง 200 แรงม้า แต่เมื่อต้องมาแบก
น้ำหนักตัวรถ 2 ตันครึ่ง แบบนี้แล้ว แม้จะแรงสู้ Chevrolet Trailblazer
และ Mitsubishi Pajero Sport ใหม่ไม่ได้ แต่ความแรงที่ออกมาเช่นนี้
ถือว่า ทำได้เสมอตัว คิดเสียว่า เรี่ยวแรงที่เพิ่มขึ้นมา 20 แรงม้า ก็เอาไป
ชดเชยในการช่วยฉุดลากน้ำหนักตัวที่เยอะกว่าชาวบ้านเขา ก็แล้วกัน
อย่างไรก็ตาม ในบางจังหวะ หลังจากผมเหยียบคันเร่งจนจมมิดเพื่อเร่ง
แซงรถคันข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นช่วงความเร็วต่ำๆในเมือง หรือขับอยู่บน
ทางด่วน หากถอนคันเร่งฉับพลันทันที ดูเหมือนว่า ลิ้นเร่งไฟฟ้าจะยัง
ต้องรออีกสักเสี้ยววินาที เพื่อจะสั่งปิดการทำงาน นั่นส่งผลให้ Everest
3.2 ลิตร มีอาการกระโจนไปข้างหน้าเล็กน้อย ลักษณะเดียวกับบรรดา
รถเก๋งที่ใช้เกียร์ CVT ไม่มีผิด!
แซงรถคันข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นช่วงความเร็วต่ำๆในเมือง หรือขับอยู่บน
ทางด่วน หากถอนคันเร่งฉับพลันทันที ดูเหมือนว่า ลิ้นเร่งไฟฟ้าจะยัง
ต้องรออีกสักเสี้ยววินาที เพื่อจะสั่งปิดการทำงาน นั่นส่งผลให้ Everest
3.2 ลิตร มีอาการกระโจนไปข้างหน้าเล็กน้อย ลักษณะเดียวกับบรรดา
รถเก๋งที่ใช้เกียร์ CVT ไม่มีผิด!
ส่วนรุ่น 2.2 ลิตร 4×2 นั้น อัตราเร่ง กลับไม่ได้อืดอาดอย่างที่เห็นในตัวเลข
ตอนพุ่งออกจาก สี่แยกไฟแดง ช่วงกลางดึก มอเตอร์ไซค์คันเล็กๆ บางคัน
ก็ยังถึงต้องบิดเยอะกว่าปกติ กว่าจะเร่งขึ้นมาขนาบข้างได้ ดังนั้น อัตราเร่ง
สำหรับการใช้งานในเขตเมือง ไม่ถึงกับอืดอาดอย่างที่ประเมินไว้แต่แรก
ตอนพุ่งออกจาก สี่แยกไฟแดง ช่วงกลางดึก มอเตอร์ไซค์คันเล็กๆ บางคัน
ก็ยังถึงต้องบิดเยอะกว่าปกติ กว่าจะเร่งขึ้นมาขนาบข้างได้ ดังนั้น อัตราเร่ง
สำหรับการใช้งานในเขตเมือง ไม่ถึงกับอืดอาดอย่างที่ประเมินไว้แต่แรก
เพียงแค่ว่า คุณอาจจำเป็นต้องเรียนรู้จังหวะการเร่งแซงสักหน่อย ถ้าหาก
จะต้องเปลี่ยนเลน เพาะรถคันข้างหน้า กำลังจะเลี้ยวเข้าซอย เมื่อหมุน
พวงมาลัยแล้ว ค่อยๆ ปล่อยรถให้ไหลออกมานิดๆ ถ้ามั่นใจว่ารถคันที่
แล่นตามมายังอยู่ห่างไกล ก็เหยียบคันเร่งออกไปได้เลย สมองกลอาจจะ
ขอเวลาคิดสักราวๆ 0.3 – 0.5 วินาที ก่อนจะปล่อยให้ลิ้นเร่งเปิดกางออก
จนสุด แล้วต้องรอให้ Turbo Boost จนถึงรอบที่ต้องการ ทั้งหมดนี้ อาจ
ใช้เวลาราวๆ 0.7 – 1 วินาที ดังนั้น ขอแนะนำว่า เผื่อเวลาเอาไว้สักหน่อย
จะต้องเปลี่ยนเลน เพาะรถคันข้างหน้า กำลังจะเลี้ยวเข้าซอย เมื่อหมุน
พวงมาลัยแล้ว ค่อยๆ ปล่อยรถให้ไหลออกมานิดๆ ถ้ามั่นใจว่ารถคันที่
แล่นตามมายังอยู่ห่างไกล ก็เหยียบคันเร่งออกไปได้เลย สมองกลอาจจะ
ขอเวลาคิดสักราวๆ 0.3 – 0.5 วินาที ก่อนจะปล่อยให้ลิ้นเร่งเปิดกางออก
จนสุด แล้วต้องรอให้ Turbo Boost จนถึงรอบที่ต้องการ ทั้งหมดนี้ อาจ
ใช้เวลาราวๆ 0.7 – 1 วินาที ดังนั้น ขอแนะนำว่า เผื่อเวลาเอาไว้สักหน่อย
ถ้าต้องการขับ Everest 2.2 ลิตร 4×2 ให้ว่องไว เช่นในกรณีรีบด่วน ต้อง
มุดซ้าย ป่ายขวา ดัวยความจำเป็นฉุกเฉิน ขอแนะนำว่า ให้ทำเหมือนกับ
บรรดารถยนต์บ้านๆ Eco Car ทั่วๆไป คือ เหยียบคันเร่งให้ลึกเกินครึ่ง
ของระยะเหยียบทั้งหมด สมองกลจะเรียนรู้เองว่าคุณรีบ มันจะคำนวน
และสั่งให้จ่ายเชื้อเพลิงเข้าสู่เครื่องยนต์เร็วขึ้น และอัตราเร่งที่ได้มาจะ
ต่อเนื่องดีเกินคาดไว้นิดๆ
มุดซ้าย ป่ายขวา ดัวยความจำเป็นฉุกเฉิน ขอแนะนำว่า ให้ทำเหมือนกับ
บรรดารถยนต์บ้านๆ Eco Car ทั่วๆไป คือ เหยียบคันเร่งให้ลึกเกินครึ่ง
ของระยะเหยียบทั้งหมด สมองกลจะเรียนรู้เองว่าคุณรีบ มันจะคำนวน
และสั่งให้จ่ายเชื้อเพลิงเข้าสู่เครื่องยนต์เร็วขึ้น และอัตราเร่งที่ได้มาจะ
ต่อเนื่องดีเกินคาดไว้นิดๆ
หากมองดูรายการอุปกรณ์ต่างๆแล้ว ถ้าคุณไม่ได้แคร์เรื่องออพชันไฮเทค
มากมายนัก รักและชอบ Everest อย่างจริงจัง ชนิดที่ใครเตือนแล้วไม่ฟัง
แต่เงินมีไม่พอจะไต่ขึ้นไปเล่นรุ่น Top ผมบอกเลยว่า รุ่นพื้นฐาน 2.2 ลิตร
Titanium 4×2 ก็มีข้าวของมาให้เหลือเฟือเกินพอแล้ว
มากมายนัก รักและชอบ Everest อย่างจริงจัง ชนิดที่ใครเตือนแล้วไม่ฟัง
แต่เงินมีไม่พอจะไต่ขึ้นไปเล่นรุ่น Top ผมบอกเลยว่า รุ่นพื้นฐาน 2.2 ลิตร
Titanium 4×2 ก็มีข้าวของมาให้เหลือเฟือเกินพอแล้ว
แต่ถ้าอยากจะได้ความคุ้มค่ายิ่งกว่านั้น 2.2 ลิตร Titanium + 4×2 ซึ่งอัด
อุปกรณ์มามากพอๆกับ ตัวท็อป 3.2 ลิตร Titanium + 4×4 แต่มาในราคา
เพิ่มจากรุ่นถูกสุด 200,000 บาท โดยประมาณ น่าจะถือว่าคุ้มค่าที่สุดแล้ว
ใน Line-up ของ Everest บ้านเราตอนนี้
อุปกรณ์มามากพอๆกับ ตัวท็อป 3.2 ลิตร Titanium + 4×4 แต่มาในราคา
เพิ่มจากรุ่นถูกสุด 200,000 บาท โดยประมาณ น่าจะถือว่าคุ้มค่าที่สุดแล้ว
ใน Line-up ของ Everest บ้านเราตอนนี้
กระนั้น ถ้าคุณจำเป็นต้องใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อยู่เรื่อยๆ และมีเงินพอ
รุ่น Top 3.2 ลิตร Titanium + 4×4 อันเป็นรุ่นขายดีที่สุด ยังคงเป็นตัวเลือก
ที่สมเหตุผลที่สุด แม้ว่ามันจะแพงกว่าชาวบ้านชาวช่องเขาก็ตาม
รุ่น Top 3.2 ลิตร Titanium + 4×4 อันเป็นรุ่นขายดีที่สุด ยังคงเป็นตัวเลือก
ที่สมเหตุผลที่สุด แม้ว่ามันจะแพงกว่าชาวบ้านชาวช่องเขาก็ตาม
เพียงแต่ว่า สิ่งที่ผมต้องขอเตือนคุณไว้สักหน่อยก็คือ จนถึงตอนนี้ ชื่อเสีย(ง)
ด้านบริการหลังการขาย และ Defect จากตัวรถ ของ Ford ยังคงมีมาให้ได้ยิน
อยู่ตลอด อย่างต่อเนื่อง!
ด้านบริการหลังการขาย และ Defect จากตัวรถ ของ Ford ยังคงมีมาให้ได้ยิน
อยู่ตลอด อย่างต่อเนื่อง!
ราคา Ford Everest ฟอร์ด เอเวอเรสต์
ราคารุ่น 2.2L Titanium 4×2 AT เริ่มต้น 1,359,000 บาท
ราคารุ่น 2.2L Titanium+ 4×2 AT เริ่มต้น 1,549,000 บาท
ราคารุ่น 3.2L Titanium+ 4×4 AT เริ่มต้น 1,749,000 บาท
ศักยภาพไร้ขีดจำกัด
ด้วยการออกแบบที่ให้ศักยภาพในการลุยผ่านพื้นผิวที่สมบุกสมบันและอุปสรรคที่ไม่คาดคิด ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ พร้อมเสมอสำหรับทุกการผจญภัยของคุณ และเติมเต็มให้คุณพร้อมสำรวจทุกเส้นทางที่ใจอยากไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น